ประวัติบ้านนาสีนวล ต.หนองแปน อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร
ที่ตั้ง/อาณาเขต
บ้านนาสีนวล ตำบลหนองแปน อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร ตั้งอยู่ทิศเหนือขององค์การบริหารส่วนตำบลหนองแปน มีระยะทางหากจากตัวตำบลประมาณ 1 กิโลเมตร ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 30 กิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 4 หมู่บ้าน คือ หมู่ 5 6 9 และหมู่ 11 บ้านเรือนจะปลูกเป็นแนวยาวตามถนนทั้ง 2 เส้นการเดินทางโดยรถยนต์สะดวกสามารถเชื่อมต่อไปยังอำเภอและจังหวัดอื่น ๆ ได้ มีถนนหลวงชนบทหมายเลข 2281 ผ่าน เชื่อมต่อระหว่างอำเภอสว่างแดนดินกับอำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร และมีถนนจากบ้านนาสีนวลเชื่อมต่อไปยังอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี มีอาณาเขตติดต่อมีดังนี้
ในขณะนั้นมีโจรป่าชุกชุมได้เข้ามาขโมยวัว ควาย และสัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ ทำให้ชาวบ้านเกิดความเกลียดชังเป็นอย่างมาก ชาวบ้านจึงลุกขึ้นมาต่อสู้กับโจรป่าสามารถจับตัวได้และได้ฆ่าโจรป่าตาย แต่อุปสรรคและปัญหายังไม่จบสิ้น ชาวบ้านยังประสบกับปัญหาเป็นไข้ป่า ไข้มาลาเลีย มีคนเจ็บป่วยล้มตายจำนวนหนึ่ง นอกจากนั้นยังเจอกับปัญหาสัตว์ป่า เช่น ช้างป่า หมูป่า และสัตว์อื่น ๆ เข้ามากัดกินทำลายนาข้าวทำลายไร่สาว ทำให้ชาวบ้านทนต่อสภาพแวดล้อมในพื้นที่บริเวรนั้นไม่ไหว เลยทิ้งไร่นาอพยพย้ายครอบครัวกลับมาบ้านม่วงเมืองไพรเหมือนเดิม
ต่อมาในการบอกเล่าไม่ได้ระบุวันเดือนปี มีพ่อแก้ว สว่างสุข ขณะนั้นอายุประมาณ 40 กว่าปี และพ่อแดง สว่างสุข พร้อมกับญาติรวมกันประมาณ 7-8 ครอบครัว กลุ่มชาติพันธุ์ไทยลาว อพยพย้ายเข้ามาตั้งหลักปักฐานในพื้นที่บริเวณป่าดงผาลาดอีกครั้ง เจอกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เหมือนเดิมแต่ชาวบ้านอดทนและต่อสู้ไม่ยอมแพ้กับชะตากรรมที่เกิดขึ้น ชาวบ้านกล่าวว่า “จะเป็นตายร้ายดียังไงต้องสู้และอยู่ตรงนี้ให้ได้” ต่อมาได้มีครอบครัวอื่นย้ายเข้ามาสมทบอีกหลายครอบครัว ชุมชนเล็ก ๆ ในป่าใหญ่แห่งนี้เลยกลายเป็นหมู่บ้าน บางคนก็เรียกว่าบ้านป่าพร้าว บ้านท่านาซอน
พ.ศ.2507 บ้านนาซอนมีจำนวนผู้เข้ามาอาศัยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทางอำเภอสว่างแดนดินจึงประกาศให้บ้านนาซอนมีการคัดเลือกผู้ใหญ่บ้าน โดยมีคุณพ่อแก้ว สว่างสุข และคุณพ่อน้อย ก่อเกื้อ เป็นผู้ลงสมัครเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ขณะนั้นการหาเสียงมีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ 20 ครัวเรือน ผลปรากฎว่าชาวบ้านลงคะแนนให้คุณพ่อแก้ว สว่างสุข เป็นผู้ชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ได้แต่งตั้งให้คุณพ่อแดง สว่างสุข และคุณพ่อวรรณี พระสีเหลือง เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
และในปีเดียวกันบ้านนาซอนได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นบ้านนาสีนวล ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร คุณพ่อแก้ว สว่างสุข ได้ตั้งกรรมการหมู่บ้านขึ้นและได้ช่วยกันพัฒนาหมู่บ้าน แต่ก่อนมีวัดตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้านมีกุฏิหลังเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน ทำให้มีช้างป่ามาทำลายกุฏิอยู่เป็นประจำ พระเณรอาศัยอยู่ไม่ได้ ชาวบ้านจึงจัดหาพื้นที่สร้างวัดใหม่ เพื่อกราบไหว้บูชาและเป็นที่พึ่งทางใจ ได้มีผู้บริจาคที่ดินจำนวน 12 ไร่ คือคุณพ่อครอย ประเสริฐแก้ว อยู่ทางด้านทิศใต้ของหมู่บ้าน
ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างศาลาการเปรียญขึ้นหลังเล็ก ๆ และใช้สถานที่ศาลาเป็นโรงเรียนวัดสอนหนังสือให้กับชาวบ้านอีกด้วย โดยมีคุณครูประวิทย์ พรหมพา มาสอนหนังสือและเป็นครูใหญ่ ซึ่งเป็นโรงเรียนสาขาของโรงเรียนบ้านโคกสี ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร เปิดสอนในระดับประถมศึกษาปีที่ 1-4 มีนักเรียนจำนวน ชาย 42 หญิง 30 รวม 72 คน
ขณะนั้นมีดอนปู่ตาตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน เป็นที่เคารพนันถือของชาวบ้าน มีคุณพ่ออ่อน ระนาด เป็นหมอจ้ำปู่ตาเป็นผู้เข้าทรง ในขณะเดียวกันมีคุณพ่อน้อย ก่อเกื้อ เป็นหมอสู่ขวัญสะเดาะเคราะห์ให้หมู่บ้านและเป็นผู้นำชาวบ้านลูกหลานเข้าวัดฟังธรรม ต่อมาทางโรงเรียนวัดมีครูสมาน วัฒนกามินทร์ เข้ามาสอนนักเรียนเพิ่มอีก ครูสอนหนังสือรวมเป็น 2 คน
พ.ศ.2509 มีครูประเสริฐ สุวรรณทัต เข้ามาสอนนักเรียนเพิ่มอีก และในขณะนั้นเกิดมีผู้ก่อการร้ายเรียกว่ากลุ่มคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ปรากฏตัวขึ้นบริเวณชายป่าดงผาลาดเป็นประจำชาวบ้านจะเรียกว่าสหายและทราบว่ากลุ่ม ผกค.นี้ ส่วนใหญ่หนี้ทหารของรัฐบาลมาจากทางอำเภอสว่างแดนดิน แต่ชาวบ้านไม่ให้ความสนใจต่างคนต่างอยู่ ขณะเดียวกันมีครอบครัวจากต่างจังหวัดย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย หมู่บ้านมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในปีเดียวกันนั้น มีตำรวจตระเวรชายแดนเข้ามาตีฐานทัพ ของกลุ่มผกค.ในป่าดงผาลาด ซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน ตำรวจตระเวรชายแดนระดมยิ่งกลุ่ม ผกค.อย่างหนัก ชาวบ้านได้ยินเสียงปืนดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหวไปทั่วป่าดงผาลาด
ผลปรากฏว่ามีกลุ่ม ผกค.ตายจำนวน 2 ศพ ส่วนที่เหลือได้รับการปาดเจ็บและหนีหายเข้าป่าไป เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจแล้ว มีเฮลิคอปเตอร์เข้ามารับตำรวจตระเวรชายแดนออกไป
พ.ศ. 2510 ชาวบ้านได้ย้ายวัดไปอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน แต่โรงเรียนยังอยู่ที่เดิม โดยถางป่าดอนปู่ตาเพื่อเป็นที่ตั้งวัดและย้ายดอนปู่ตาออกไปในบริเวรใกล้ ๆ กัน การสร้างวัดในครั้งนี้มีหลวงปู่สวัสดิ์ และพระครูบริพันธ์ ซึ่งเดินทางมาจากวัดโพธิ์ศรี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ได้มาสร้างศาลาการเปรียญและกุฏิหลังเล็ก ๆ ขึ้น (ได้ตั้งชื่อวัดเป็นวัดศิริวราราม แต่ในข้อมูลบัญชีรายชื่อวัดจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่าวัดศิริวรารามสังกัดมหานิกายตั้งในปี พ.ศ.2480)
ต่อมามีหน่วยทหารพลร่มเข้ามาตั้งฐานทัพที่วัด เพื่อปราบปรามกลุ่ม ผกค. ในป่าดงผาลาด ทหารพลร่มได้โจมตีฐานทัพ ผกค. หลายครั้ง ต่างฝ่ายต่างเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทหารพลร่มได้จัดเวรยามเพื่อปกป้องชาวบ้านและป้องกันไม่ให้กลุ่ม ผกค. เข้ามาแทรกซ้อนแฝงตัวในหมู่บ้าน กลุ่ม ผกค. ยิ่งปราบยิ่งเยอะขึ้นเลื่อย ๆ วันไหนทหารหรือตำรวจตระเวรชายแดนถอนกำลังออกไปกลุ่ม ผกค. จะมาหมู่บ้านแทนทหาร เข้ามาเพื่อตีสนิทมาปลุกระดมมวลชนมาชวนชาวบ้านให้เข้าไปร่วมกับกลุ่มด้วย
มีงานเทศกาลต่าง ๆ เช่น วันปีใหม่ วันสงกรานต์ กลุ่ม ผกค. จะเข้ามาเล่นมาร้องลำทำเพลงร่วมกับชาวบ้านอย่างสนุกสนาน แต่ชาวบ้านไม่ยอมหลงผิดไม่หลงเชื่อไปร่วมกับกลุ่ม ผกค. โดยง่าย และช่วงเวลานั้นหมู่บ้านไม่ได้มีเวลาพัฒนา เนื่องจากต้องระวังการปะทะของกลุ่ม ผกค. กับทหาร
พ.ศ.2511 ชาวบ้านได้ย้ายโรงเรียนจากทางด้านทิศใต้ ไปตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งวัดในตอนแรกจำนวน 15 ไร่ ได้สร้างอาคารเรียนหลังเล็ก ๆ ขึ้นมุงด้วยหลังคา มีครูสมาน วัฒนกามินทร์ เป็นครูใหญ่ ครูวินัย ไตรยพิษ และครูปิยะ ช่วยสอนหนังสือ ส่วนครูประเสริฐ สุวรรณทัต ได้เดินทางไปศึกษาต่อ ทางด้านรัฐบาลได้ส่งตำรวจตระเวรชายแดน ทหาร อส. เดินทางเข้ามาปราบกลุ่มคอมมิวนิสต์อีกครั้งโดยใช้พื้นที่วัดเป็นฐานทัพ
พ.ศ.2513 มีหน่วยทหารปืนใหญ่มาตั้งฐานทัพอยู่บ้านทุ่ง ห่างจากบ้านนาสีนวลประมาณ 10 กิโลเมตร ได้ยิ่งปืนใหญ่จากบ้านทุ่งข้ามบ้านนาสีนวล เข้าไปในป่าดงผาลาดเพื่อทำลายฐานที่มั่นของกลุ่ม ผกค. เสียงปืนดังสะท้อนก้องฟ้า
วิธีปราบผีของหมอธรรมอ่อน คือ ทำพิธีเรียกผีมาทั้งหมด แล้วจึงนำด้ายสายสิญจน์มาล้อมผีเหล่านั้นเอาไว้ ให้ชาวบ้านเข้าทรงเพื่อจับผีเข้าหม้อจนหมด แล้วนำไปฝังดินในบริเวณป่าช้า อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้าน หมอธรรมอ่อนได้ตั้งกฎของหมู่บ้านขึ้น คือ ห้ามฆ่าสัตว์สี่เท้าในบริเวรภายในหมู่บ้าน ห้ามขนย้ายไม้ฟืนในวัดพระ และหมอธรรมอ่อนได้ทำการล้างป่าช้า เสร็จแล้วหมอธรรมอ่อนจึงเดินทางกลับ
ต่อมามีบางคนในหมู่บ้านทำผิดกฎระเบียบ จึงเกิดเดือดร้อนขึ้นมีผู้คนตายอย่างไม่ทราบสาเหตุอีกครั้ง ชาวบ้านโดยการนำของคุณพ่อแก้ว สว่างสุข จึงหาวิธีแก้ไข ได้เดินทางไปนิมนต์หลวงปู่ทองมา ถาวโร จากวัดสว่างท่าสี ตำบลท่าศรี อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด มาทำพิธีปราบผี หลวงปู่ทองมาได้ทำบุญใหญ่และอุทิศส่วนกุศลให้ผีเหล่านั้นให้ไปผุดไปเกิด และได้ทำหลักบ้านใหญ่ปัจจุบันตั้งอยู่ที่วัดศิริวาราม และเขตนอกหมู่บ้านอีก 4 ทิศ ทิศละ 1 หลัก หลวงปู่ทองมา ถาวโร ได้ตั้งกฎของหมู่บ้านไว้เหมือนกับหมอธรรมอ่อน หมู่บ้านจึงเกิดความร่มเย็นผาสุกตลอดมา
พ.ศ.2517 คุณพ่อวรรณี พระสีเหลือง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต นายแก้ว สว่างสุข ผู้ใหญ่บ้านได้แต่งตั้งให้ นายสวัสดิ์ พรอินทร์ ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแทน คุณพ่อแก้ว สว่างสุข ได้พาทหารเข้าไปล่าตระเวรในป่าดงผาลาดเกิดการปะทะกับกลุ่ม ผกค. อยู่หลายครั้ง ต่อมาคุณพ่อใส แสนกลม ได้พ้นจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จึงแต่งตั้งคุณพ่อคำอ้าย ถาวุฒ เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแทน ส่วนทางด้านโรงเรียนรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงให้มีการสอนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 และย้ายระดับประถมศึกษาปีที่ 7 เข้าเป็นระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา ต่อมามีการรับเด็กเล็กหรืออนุบาลเพิ่มขึ้นตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ.2519 ทางรัฐบาลได้ส่งหน่วยเข้ามาฝึกชาวบ้านให้เป็นไทยอาสาป้องกันชาติ หรือ ทสปช. โดยมีอาจารย์ประเสริฐ สุวรรณทัต ขณะนั้นเป็นครูใหญ่โรงเรียนบ้านนาสีนวล เป็นที่ปรึกษาให้กับชาวบ้านทางอำเภอสว่างแดนดินได้แจกอาวุธปืนให้กับชาวบ้าน ได้ฝึกการใช้อาวุธยุทธวิธีการรบแบบสงครามจนจบหลักสูตร ชาวบ้านจึงได้จับอาวุธต่อต้านต่อสู้กับกลุ่มคอมมิวนิสต์ ในเวลาต่อมาชาวบ้านได้ร่วมกันกับทหารออกล่าตระเวร จนเกิดการปะทะกันอีกหลายครั้งและสามารถยืดฐานที่ตั้งของ ผกค. ได้หลายพื้นที่
พ.ศ.2520 ในการพัฒนาทางด้านศาสนาวัดวาอาราม ชาวบ้านได้สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ขึ้นจนเสร็จสิ้นและเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ศาลาหลังนี้ออกแบบโดยคุณพ่อลี สามารถตรา คุณพ่อทอง เส็งนา คุณพ่ออ่อน สุริโย และหลวงปู่ถนอม สุริโก ในปีเดียวกันมีกลุ่ม ผกค. เดินทางมาจากป่าดงสานมุ่งหน้าเข้ามายังป่าดงผาลาด
พ.ศ.2521 ชาวบ้านนาสีนวลจึงได้เลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านใหม่ โดยมีผู้ลงสมัครคือคุณพ่อจันทร์ นันไทสง และได้รับตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ได้แต่งตั้งให้คุณพ่อหนูแดง ยาธงไชย คุณพ่อดำ สืบศรี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คุณพ่อจันทร์ นันไทสง ได้ประสานงานกับทางราชการหาวิธีปราบกลุ่ม ผกค. ในป่าดงผาลาด ทางราชการได้ส่งทหารพรานและหน่วยทหารปืนใหญ่ออกมาสมทบกับ อส.
ต่อมาคุณพ่อดำ สืบศรี พ้นตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้แต่งตั้งคุณพ่อแหลม เส็งนา ขึ้นแทน ขณะนั้นคุณพ่อจันทร์ นันไทสง ร่วมกับชาวบ้านพัฒนาหมู่บ้านได้ตัดถนนในหมู่บ้านขึ้นอีกหลายเส้นทาง ในขณะเดียวกันชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งได้ร่วมกับ อส. ออกสกัดซุ่มโจมตีกลุ่ม ผกค. ในพื้นที่ป่าดงผาลาดและป่าดงสานอีกหลายครั้ง ได้เกิดการปะทะกันอย่างรุ่นแรงผลก็คือตำรวจภูธรได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทำให้ถอยกำลังออกมา ทหารพรานจึงเข้าไปเคลียพื้นที่ได้วิทยุสื่อสารให้นำปืนใหญ่ยิงไปยังฐานของกลุ่ม ผกค. ทำให้ฐานแตกหลบหนี้เข้าป่าไป
ในขณะนั้นบ้านนาสีนวลได้แยกหมู่บ้านออกเป็น 2 หมู่บ้าน เนื่องจากประชากรเพิ่มขึ้น แยกเป็นนาสีนวลนอกและนาสีนวลในหมู่ 5 หมู่บ้านที่แยกใหม่คือนาสีนวลนอกมีคุณพ่อคำอ้าย ถาวุฒ ได้รับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ได้นำพาชาวบ้านพัฒนาหมู่บ้านและสร้างวัดบูรพาราม (แต่ในข้อมูลบัญชีรายชื่อวัดจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่าวัดบูรพารามสังกัดมหานิกายตั้งในปี พ.ศ.2484)
พ.ศ.2525 คุณพ่อใส แสนกลม ได้พ้นจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลนอก ชาวบ้านจึงได้เลือกคุณพ่อสุชา สามารถตรา เป็นผู้ใหญ่บ้าน ในขณะนั้นหมู่บ้านนาสีนวลขาดความสามัคคี เพื่อความสมัครสมานสามัคคีและเป็นการเข้าใจกัน ทางโรงเรียนบ้านนาสีนวลได้จัดวงดนตรีขึ้น ตั้งชื่อว่าวงหึ่งห้อย โดยการนำจาก ผอ.ประเสริฐ สุวรรณทัต จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านนาสีนวลได้เจอหน้าพูดคุยกัน ขับร้องเพลงเล่นดนตรีและแสดงการฟ้อนลำร่วมกัน ให้ชาวบ้านได้รวมกลุ่มเพื่อจะได้ต่อต้านกับกลุ่ม ผกค.และขบวนการบางกลุ่มที่คิดร้ายต่อหมู่บ้าน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาความสามัคคีของหมู่บ้านก็เริ่มมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต่อมาคุณพ่อแดง ยาธงไชย ได้พ้นจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลใน ได้แต่งตั้งคุณพ่อสมพงษ์ สาธุการ เข้ารับตำแหน่งแทน
พ.ศ.2529 คุณพ่อจันทร์ นันไธสง พ้นจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลใน และได้เลือกใหม่คือคุณพ่อเสาร์ อ่อนโสภา แต่งตั้งให้คุณพ่อสำเนียง คงบุญมา คุณพ่อสมบูรณ์ ขุลี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลใน คุณพ่อเสาร์ได้พัฒนาหมู่บ้านและสร้างธนาคารข้าวขึ้นมา ในขณะนั้นหมู่บ้านยังไม่มีฟ้าฟ้าใช้ และคุณพ่อเสาร์ได้พ้นจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลในในปีเดียวกัน
พ.ศ.2530 ชาวบ้านนาสีนวลในจึงได้เลือกผู้ใหญ่บ้านใหม่คือคุณพ่อสมบูรณ์ ขุลี ได้แต่งตั้งให้คุณพ่อสำเนียง คงบุญมา คุณพ่อไพสาน รุ่งสว่าง เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลใน ในขณะนั้นทางด้านราชการอำเภอสว่างแดนดินได้แยกเจริญศิลป์ขึ้นเป็นอำเภอ บ้านนาสีนวลได้ย้ายมาขึ้นกับอำเภอเจริญศิลป์ เป็นบ้านนาสีนวล ตำบลหนองแปน อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร ในปีเดียวกันทางราชการได้เดินสายไฟฟ้าเข้ามาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านเริ่มได้ใช้ไฟฟ้า
พ.ศ.2534 โรงเรียนบ้านนาสีนวลได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ให้เปิดทำการสอนตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น ตามโครงการขยายโอกาสทางการศึกษา โรงเรียนบ้านนาสีนวลจึงเปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 จนถึง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
พ.ศ.2535 ทางราชการได้เข้ามาสร้างสะพานข้ามลำน้ำสงครามและทำถนนเชื่อมต่อระหว่างบ้านนาสีนวนกับบ้านม่วง ซึ่งแต่ก่อนการเดินทางข้างฝั่งจะใช้เรือ
พ.ศ.2540 กระทรวงมหาดไทยประกาศจัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแปน เมื่อ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2540 ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 บ้านดงสง่า ตำบลหนองแปน อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร
พ.ศ.2542 บ้านนาสีนวลในได้ขอให้ทางราชการแยกหมู่บ้าน ทางราชการได้อนุมัติแยกเป็นบ้านนาสีนวลหมู่ 11 และได้ทำการคัดเลือกผู้ใหญ่บ้านมีผู้ลงสมัคร 2 คน มีนายพรหมมา สามารถตรา และนายสมพาน ยุตรินทร์ ชาวบ้านได้เลือกนายสมพาน ยุตรินทร์ เป็นผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลหมู่ 11 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2542 ได้แต่งตั้งนายบุญเชาร์ สว่างสุข นายพรศักดิ์ ธรรมธาทอง เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลหมู่ 11
พ.ศ.2544 ชาวบ้านได้จัดตั้งที่พักสงฆ์ขึ้นอยู่ป่าช้าทางด้านทิศตะวันตก มีผอ.ประเสริฐ สุวรรณทัต ได้ชวนชาวบ้านปรับพื้นที่เผาศพใหม่ ชาวบ้านเห็นด้วยจึงบริจาคครอบครัวละ 350 บาท เพื่อจัดซื้อหินลุกรังมาถมที่
พ.ศ.2545 วัดศิริวรารามโดยการนำของพระอธิการสานหรือหลวงพ่อสาน ธิตปญฺโญ และชาวบ้านนาสีนวลทุกคนได้ร่วมใจกันสร้างประตูโขงทางเข้าวัดจนสำเร็จ และได้สร้างกำแพงรอบวัดเป็นบางส่วน
ข้อมูล/บันทึก โดย สดใส เส็งนา พ.ศ.2545
เรียบเรียงบทความ โดย สมชาย เครือคำ พ.ศ.2560
- ทิศเหนือ ติดต่อ ตำบลห้วยหลัว อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร
- ทิศใต้ ติดต่อ ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
- ทิศตะวันออก ติดต่อ ตำบลบ้านเหล่า อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร
- ทิศตะวันตก ติดต่อ ตำบลม่วง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
ลักษณะภูมิประเทศ
บ้านนาสีนวล มีประมาณ 3,077 ไร่ มีภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มสลับที่ดอน ที่ราบลุ่มสูงระดับ 177 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่ดอนสูงระดับ 190 เมตรจากระดับน้ำทะเล พื้นที่ส่วนใหญ่ทำการเกษตร เช่น ทำนา สวนยาพารา สวนปาร์มน้ำมัน ไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง แตงโม ข้าวโพด และปลูกต้นยูคาลิปตัส พื้นที่ป่าไม้ส่วนใหญ่แล้วจะเสื่อมโทรม เนื่องจากการบุกรุกถางป่าเพื่อการปลูกพืชไร่และนาข้าว สภาพภูมิอากาศร้อนชื้น มี 3 ฤดู คือ ร้อน ฝน และหนาว ในฤดูฝนน้ำจะเยอะ แต่ในฤดูร้อนไม่มีน้ำสำหรับปลูกพืชแผนที่บ้านนาสีนวล |
ประวัติความเป็นมา
ยุคอพยกมาตั้งหมู่บ้าน
แต่ก่อนบ้านนาสีนวลในปัจจุบันนี้ เป็นป่าดงดิบหนาทึบ มีสัตว์ป่ามากมายหลายชนิด เช่น ช้างป่า หมูป่า เสือ เก้ง กวาง ชะนี ลิง ค่าง นก งู เป็นต้น ชาวบ้านในบริเวณนั้นเรียกว่าป่าดงผาลาด ต่อมามีชาวบ้านบางส่วนจากบ้านม่วงเมืองไพร ขณะนั้นขึ้นกับ ตำบลดงเย็น อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ปัจจุบันนี้บ้านม่วงเปลี่ยนเป็น ตำบลม่วง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ข้ามลำน้ำสงคราม มีระยะทางประมาณ 4-5 กิโลเมตร เข้ามาถากถางพื้นที่บริเวณชายป่าดงผาลาดเพื่อทำไร่ทำนาสมัยก่อนป่าบริเวณนี้ยังไม่มีใครเป็นเจ้าของ ใครถางป่าได้เท่าไหร่ก็ได้เท่านั้น จนกระทั่งพื้นที่ส่วนหนึ่งของป่าดงผาลาด กลายเป็นพื้นที่ของชาวบ้าน ขณะนั้นการเดินทางของชาวบ้านระหว่างบ้านม่วงเมืองไพรกับไร่นา มีระยะทางที่ไกลมากไม่มีถนนใช้วิธีการเดินเท้ามา ทำให้ชาวบ้านเดินทางไม่สะดวกและลำบาก เพราะต้องเดินเข้าผ่านป่าดงดิบข้ามห้วยข้ามลำน้ำหลายสาย เพื่อบรรเทาปัญหาในการเดินทางมาไร่นา ชาวบ้านเลยชวนกันมาปลูกกระท่อมน้อย เพื่อเป็นที่พักอาศัยอยู่ตามหัวไร่ปลายนา ขณะนั้นชาวบ้านได้ประกอบอาชีพ ทำไร่ ทำนา เลี้ยงเป็ด ไก่ เลี้ยงวัว ควาย
ในขณะนั้นมีโจรป่าชุกชุมได้เข้ามาขโมยวัว ควาย และสัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ ทำให้ชาวบ้านเกิดความเกลียดชังเป็นอย่างมาก ชาวบ้านจึงลุกขึ้นมาต่อสู้กับโจรป่าสามารถจับตัวได้และได้ฆ่าโจรป่าตาย แต่อุปสรรคและปัญหายังไม่จบสิ้น ชาวบ้านยังประสบกับปัญหาเป็นไข้ป่า ไข้มาลาเลีย มีคนเจ็บป่วยล้มตายจำนวนหนึ่ง นอกจากนั้นยังเจอกับปัญหาสัตว์ป่า เช่น ช้างป่า หมูป่า และสัตว์อื่น ๆ เข้ามากัดกินทำลายนาข้าวทำลายไร่สาว ทำให้ชาวบ้านทนต่อสภาพแวดล้อมในพื้นที่บริเวรนั้นไม่ไหว เลยทิ้งไร่นาอพยพย้ายครอบครัวกลับมาบ้านม่วงเมืองไพรเหมือนเดิม
พ่อแก้ว สว่างสุข (บุคคลสำคัญในประวัติบ้านนาสีนวล) |
ต่อมาในการบอกเล่าไม่ได้ระบุวันเดือนปี มีพ่อแก้ว สว่างสุข ขณะนั้นอายุประมาณ 40 กว่าปี และพ่อแดง สว่างสุข พร้อมกับญาติรวมกันประมาณ 7-8 ครอบครัว กลุ่มชาติพันธุ์ไทยลาว อพยพย้ายเข้ามาตั้งหลักปักฐานในพื้นที่บริเวณป่าดงผาลาดอีกครั้ง เจอกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เหมือนเดิมแต่ชาวบ้านอดทนและต่อสู้ไม่ยอมแพ้กับชะตากรรมที่เกิดขึ้น ชาวบ้านกล่าวว่า “จะเป็นตายร้ายดียังไงต้องสู้และอยู่ตรงนี้ให้ได้” ต่อมาได้มีครอบครัวอื่นย้ายเข้ามาสมทบอีกหลายครอบครัว ชุมชนเล็ก ๆ ในป่าใหญ่แห่งนี้เลยกลายเป็นหมู่บ้าน บางคนก็เรียกว่าบ้านป่าพร้าว บ้านท่านาซอน
ตั้งหมู่บ้านอย่างเป็นทางการและสถานที่สำคัญ
พ.ศ.2503 ทางราชการได้สำรวจหมู่บ้านจึงให้ตั้งบ้านขึ้นเป็น (บ้านฝาก) ส่วนหนึ่งของบ้านหนองแปน ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ชาวบ้านได้ตั้งชื่อว่าบ้านนาซอน แต่งตั้งให้คุณพ่อแดง สว่างสุข เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านของคุณพ่อบุญไตร ผู้ใหญ่บ้านหนองแปน ชาวบ้านได้ดำเนินชีวิตตามปกติตามวิถีคนชนบทชุมชน ทางด้านผลผลิตทางการเกษตรก็ไม่ได้เยอะเท่าที่ควร เนื่องจากมีสัตว์ป่าเข้ามารบกวนสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ทำกินของชาวบ้านพ.ศ.2507 บ้านนาซอนมีจำนวนผู้เข้ามาอาศัยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทางอำเภอสว่างแดนดินจึงประกาศให้บ้านนาซอนมีการคัดเลือกผู้ใหญ่บ้าน โดยมีคุณพ่อแก้ว สว่างสุข และคุณพ่อน้อย ก่อเกื้อ เป็นผู้ลงสมัครเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ขณะนั้นการหาเสียงมีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ 20 ครัวเรือน ผลปรากฎว่าชาวบ้านลงคะแนนให้คุณพ่อแก้ว สว่างสุข เป็นผู้ชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ได้แต่งตั้งให้คุณพ่อแดง สว่างสุข และคุณพ่อวรรณี พระสีเหลือง เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
และในปีเดียวกันบ้านนาซอนได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นบ้านนาสีนวล ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร คุณพ่อแก้ว สว่างสุข ได้ตั้งกรรมการหมู่บ้านขึ้นและได้ช่วยกันพัฒนาหมู่บ้าน แต่ก่อนมีวัดตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้านมีกุฏิหลังเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน ทำให้มีช้างป่ามาทำลายกุฏิอยู่เป็นประจำ พระเณรอาศัยอยู่ไม่ได้ ชาวบ้านจึงจัดหาพื้นที่สร้างวัดใหม่ เพื่อกราบไหว้บูชาและเป็นที่พึ่งทางใจ ได้มีผู้บริจาคที่ดินจำนวน 12 ไร่ คือคุณพ่อครอย ประเสริฐแก้ว อยู่ทางด้านทิศใต้ของหมู่บ้าน
ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างศาลาการเปรียญขึ้นหลังเล็ก ๆ และใช้สถานที่ศาลาเป็นโรงเรียนวัดสอนหนังสือให้กับชาวบ้านอีกด้วย โดยมีคุณครูประวิทย์ พรหมพา มาสอนหนังสือและเป็นครูใหญ่ ซึ่งเป็นโรงเรียนสาขาของโรงเรียนบ้านโคกสี ตำบลโคกสี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร เปิดสอนในระดับประถมศึกษาปีที่ 1-4 มีนักเรียนจำนวน ชาย 42 หญิง 30 รวม 72 คน
ขณะนั้นมีดอนปู่ตาตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน เป็นที่เคารพนันถือของชาวบ้าน มีคุณพ่ออ่อน ระนาด เป็นหมอจ้ำปู่ตาเป็นผู้เข้าทรง ในขณะเดียวกันมีคุณพ่อน้อย ก่อเกื้อ เป็นหมอสู่ขวัญสะเดาะเคราะห์ให้หมู่บ้านและเป็นผู้นำชาวบ้านลูกหลานเข้าวัดฟังธรรม ต่อมาทางโรงเรียนวัดมีครูสมาน วัฒนกามินทร์ เข้ามาสอนนักเรียนเพิ่มอีก ครูสอนหนังสือรวมเป็น 2 คน
ยุคคอมมิวนิสต์ดงผาลาด
พ.ศ.2508 มีทหารฝรั่งกับทหารไทยเดินทางเข้ามาทำแผนที่ และได้ช่วยชาวบ้านพัฒนาหมู่บ้าน โดยคุณพ่อแดง สว่างสุข ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้ช่วยทางทหารเคลียพื้นที่ในป่าดงผาลาด หลังจากนั้นคุณพ่อแดง สว่างสุข ได้พ้นจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จึงได้แต่งตั้งคุณพ่อใส แสนกลม แทน ทางด้านโรงเรียนได้เปิดการสอนถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 7พ.ศ.2509 มีครูประเสริฐ สุวรรณทัต เข้ามาสอนนักเรียนเพิ่มอีก และในขณะนั้นเกิดมีผู้ก่อการร้ายเรียกว่ากลุ่มคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ปรากฏตัวขึ้นบริเวณชายป่าดงผาลาดเป็นประจำชาวบ้านจะเรียกว่าสหายและทราบว่ากลุ่ม ผกค.นี้ ส่วนใหญ่หนี้ทหารของรัฐบาลมาจากทางอำเภอสว่างแดนดิน แต่ชาวบ้านไม่ให้ความสนใจต่างคนต่างอยู่ ขณะเดียวกันมีครอบครัวจากต่างจังหวัดย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย หมู่บ้านมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในปีเดียวกันนั้น มีตำรวจตระเวรชายแดนเข้ามาตีฐานทัพ ของกลุ่มผกค.ในป่าดงผาลาด ซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน ตำรวจตระเวรชายแดนระดมยิ่งกลุ่ม ผกค.อย่างหนัก ชาวบ้านได้ยินเสียงปืนดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหวไปทั่วป่าดงผาลาด
ผลปรากฏว่ามีกลุ่ม ผกค.ตายจำนวน 2 ศพ ส่วนที่เหลือได้รับการปาดเจ็บและหนีหายเข้าป่าไป เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจแล้ว มีเฮลิคอปเตอร์เข้ามารับตำรวจตระเวรชายแดนออกไป
วัดศิริวราราม |
พ.ศ. 2510 ชาวบ้านได้ย้ายวัดไปอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน แต่โรงเรียนยังอยู่ที่เดิม โดยถางป่าดอนปู่ตาเพื่อเป็นที่ตั้งวัดและย้ายดอนปู่ตาออกไปในบริเวรใกล้ ๆ กัน การสร้างวัดในครั้งนี้มีหลวงปู่สวัสดิ์ และพระครูบริพันธ์ ซึ่งเดินทางมาจากวัดโพธิ์ศรี อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ได้มาสร้างศาลาการเปรียญและกุฏิหลังเล็ก ๆ ขึ้น (ได้ตั้งชื่อวัดเป็นวัดศิริวราราม แต่ในข้อมูลบัญชีรายชื่อวัดจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่าวัดศิริวรารามสังกัดมหานิกายตั้งในปี พ.ศ.2480)
ต่อมามีหน่วยทหารพลร่มเข้ามาตั้งฐานทัพที่วัด เพื่อปราบปรามกลุ่ม ผกค. ในป่าดงผาลาด ทหารพลร่มได้โจมตีฐานทัพ ผกค. หลายครั้ง ต่างฝ่ายต่างเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทหารพลร่มได้จัดเวรยามเพื่อปกป้องชาวบ้านและป้องกันไม่ให้กลุ่ม ผกค. เข้ามาแทรกซ้อนแฝงตัวในหมู่บ้าน กลุ่ม ผกค. ยิ่งปราบยิ่งเยอะขึ้นเลื่อย ๆ วันไหนทหารหรือตำรวจตระเวรชายแดนถอนกำลังออกไปกลุ่ม ผกค. จะมาหมู่บ้านแทนทหาร เข้ามาเพื่อตีสนิทมาปลุกระดมมวลชนมาชวนชาวบ้านให้เข้าไปร่วมกับกลุ่มด้วย
มีงานเทศกาลต่าง ๆ เช่น วันปีใหม่ วันสงกรานต์ กลุ่ม ผกค. จะเข้ามาเล่นมาร้องลำทำเพลงร่วมกับชาวบ้านอย่างสนุกสนาน แต่ชาวบ้านไม่ยอมหลงผิดไม่หลงเชื่อไปร่วมกับกลุ่ม ผกค. โดยง่าย และช่วงเวลานั้นหมู่บ้านไม่ได้มีเวลาพัฒนา เนื่องจากต้องระวังการปะทะของกลุ่ม ผกค. กับทหาร
พ.ศ.2511 ชาวบ้านได้ย้ายโรงเรียนจากทางด้านทิศใต้ ไปตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งวัดในตอนแรกจำนวน 15 ไร่ ได้สร้างอาคารเรียนหลังเล็ก ๆ ขึ้นมุงด้วยหลังคา มีครูสมาน วัฒนกามินทร์ เป็นครูใหญ่ ครูวินัย ไตรยพิษ และครูปิยะ ช่วยสอนหนังสือ ส่วนครูประเสริฐ สุวรรณทัต ได้เดินทางไปศึกษาต่อ ทางด้านรัฐบาลได้ส่งตำรวจตระเวรชายแดน ทหาร อส. เดินทางเข้ามาปราบกลุ่มคอมมิวนิสต์อีกครั้งโดยใช้พื้นที่วัดเป็นฐานทัพ
พ.ศ.2513 มีหน่วยทหารปืนใหญ่มาตั้งฐานทัพอยู่บ้านทุ่ง ห่างจากบ้านนาสีนวลประมาณ 10 กิโลเมตร ได้ยิ่งปืนใหญ่จากบ้านทุ่งข้ามบ้านนาสีนวล เข้าไปในป่าดงผาลาดเพื่อทำลายฐานที่มั่นของกลุ่ม ผกค. เสียงปืนดังสะท้อนก้องฟ้า
หมู่บ้านเกิดอาถรรพ์ผู้คนเสียชีวิตไร้สาเหตุ
ในปีเดียวกันหมู่บ้านเกิดอาถรรพ์ มีชาวบ้านตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ชาวบ้านตกตะลึงและกลัวเป็นอย่างมาก ชาวบ้านจึงค้นหาสาเหตุโดยทราบว่ามีผีปู่ตาร่วมกับผีป่าและปอบ มาทำร้ายชาวบ้านตายไปหลายศพ จึงหาวิธีแก้ได้เดินทางไปหาหมอผีที่เก่ง มีชื่อว่าหมอธรรมอ่อน เดินทางมาจากจังหวัดอุดรธานี เป็นผู้มีความสามารถมีวิชาอาคมแกร่งกล้าวิธีปราบผีของหมอธรรมอ่อน คือ ทำพิธีเรียกผีมาทั้งหมด แล้วจึงนำด้ายสายสิญจน์มาล้อมผีเหล่านั้นเอาไว้ ให้ชาวบ้านเข้าทรงเพื่อจับผีเข้าหม้อจนหมด แล้วนำไปฝังดินในบริเวณป่าช้า อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้าน หมอธรรมอ่อนได้ตั้งกฎของหมู่บ้านขึ้น คือ ห้ามฆ่าสัตว์สี่เท้าในบริเวรภายในหมู่บ้าน ห้ามขนย้ายไม้ฟืนในวัดพระ และหมอธรรมอ่อนได้ทำการล้างป่าช้า เสร็จแล้วหมอธรรมอ่อนจึงเดินทางกลับ
ต่อมามีบางคนในหมู่บ้านทำผิดกฎระเบียบ จึงเกิดเดือดร้อนขึ้นมีผู้คนตายอย่างไม่ทราบสาเหตุอีกครั้ง ชาวบ้านโดยการนำของคุณพ่อแก้ว สว่างสุข จึงหาวิธีแก้ไข ได้เดินทางไปนิมนต์หลวงปู่ทองมา ถาวโร จากวัดสว่างท่าสี ตำบลท่าศรี อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด มาทำพิธีปราบผี หลวงปู่ทองมาได้ทำบุญใหญ่และอุทิศส่วนกุศลให้ผีเหล่านั้นให้ไปผุดไปเกิด และได้ทำหลักบ้านใหญ่ปัจจุบันตั้งอยู่ที่วัดศิริวาราม และเขตนอกหมู่บ้านอีก 4 ทิศ ทิศละ 1 หลัก หลวงปู่ทองมา ถาวโร ได้ตั้งกฎของหมู่บ้านไว้เหมือนกับหมอธรรมอ่อน หมู่บ้านจึงเกิดความร่มเย็นผาสุกตลอดมา
เสาหลักบ้าน วัดศิริวราราม ประวัติบ้านนาสีนวล |
ยุคหน่วยอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.)
พ.ศ.2516 คุณพ่อแก้ว สว่างสุข ผู้ใหญ่บ้าน ได้ไปฝึกอมรมหน่วยอาสาสมัครรักษาดินแดน ในปีเดียวกันมีกลุ่ม ผกค. เข้ามาโจตีฐานทัพของ อส. ที่ตั้งอยู่ในวัด กลุ่ม ผกค. ได้ยิงปืนเอ็ม 79 เข้าอย่างนัก ทำให้ อส. หลบหนีเพื่อเอาตัวรอดจึงทำให้ค่ายฐานทัพแตก กลุ่ม ผกค. ได้ยืดเอาปืนของฝ่าย อส. ได้ทั้งหมด 11 กระบอก ต่อมามีหน่วยทหารปืนใหญ่เข้ามาสบทบได้ตั้งฐานทัพอยู่ที่วัดอีกครั้ง
พ.ศ.2517 คุณพ่อวรรณี พระสีเหลือง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต นายแก้ว สว่างสุข ผู้ใหญ่บ้านได้แต่งตั้งให้ นายสวัสดิ์ พรอินทร์ ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแทน คุณพ่อแก้ว สว่างสุข ได้พาทหารเข้าไปล่าตระเวรในป่าดงผาลาดเกิดการปะทะกับกลุ่ม ผกค. อยู่หลายครั้ง ต่อมาคุณพ่อใส แสนกลม ได้พ้นจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จึงแต่งตั้งคุณพ่อคำอ้าย ถาวุฒ เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแทน ส่วนทางด้านโรงเรียนรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงให้มีการสอนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 และย้ายระดับประถมศึกษาปีที่ 7 เข้าเป็นระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา ต่อมามีการรับเด็กเล็กหรืออนุบาลเพิ่มขึ้นตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ.2519 ทางรัฐบาลได้ส่งหน่วยเข้ามาฝึกชาวบ้านให้เป็นไทยอาสาป้องกันชาติ หรือ ทสปช. โดยมีอาจารย์ประเสริฐ สุวรรณทัต ขณะนั้นเป็นครูใหญ่โรงเรียนบ้านนาสีนวล เป็นที่ปรึกษาให้กับชาวบ้านทางอำเภอสว่างแดนดินได้แจกอาวุธปืนให้กับชาวบ้าน ได้ฝึกการใช้อาวุธยุทธวิธีการรบแบบสงครามจนจบหลักสูตร ชาวบ้านจึงได้จับอาวุธต่อต้านต่อสู้กับกลุ่มคอมมิวนิสต์ ในเวลาต่อมาชาวบ้านได้ร่วมกันกับทหารออกล่าตระเวร จนเกิดการปะทะกันอีกหลายครั้งและสามารถยืดฐานที่ตั้งของ ผกค. ได้หลายพื้นที่
พ.ศ.2520 ในการพัฒนาทางด้านศาสนาวัดวาอาราม ชาวบ้านได้สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ขึ้นจนเสร็จสิ้นและเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ศาลาหลังนี้ออกแบบโดยคุณพ่อลี สามารถตรา คุณพ่อทอง เส็งนา คุณพ่ออ่อน สุริโย และหลวงปู่ถนอม สุริโก ในปีเดียวกันมีกลุ่ม ผกค. เดินทางมาจากป่าดงสานมุ่งหน้าเข้ามายังป่าดงผาลาด
ซึ่งเส้นทางนี้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้าน ชาวบ้านร่วมกับ อส. ได้เข้าไปซุ่มสกัดโจมตี จึงเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงเสียงปืนดังสนั่นกึกก้อง ปะทะกันอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงผลปรากฏว่า กลุ่ม ผกค. ตาย 1 ศพและยึดอาวุธปืนได้ 2 กระบอก ส่วนที่เหลือได้รับการบาดเจ็บหลบหนีเข้าป่าดงผาลาดไป
ส่วนด้านในหมู่บ้านเมื่อได้ยินเสียงปืน ครูและชาวบ้านจำนวนหนึ่งซึ่งมีอาวุธปืน (ปืนแก๊ป)และมีด จึงออกมาสมทบได้แกะลอยตามกลุ่ม ผกค.เข้าไปในป่า ส่วนด้าน อส. ได้วิทยุสื่อสารเรียกเฮลิคอปเตอร์นำคุณพ่อแก้ว สว่างสุข ผู้ใหญ่บ้านพร้อมกับทหารบินขึ้นยิงอาวุธหนัก ปืนกลและทิ้งลูกระเบิดลงไปในพื้นที่ต้องสงสัยว่ากลุ่ม ผกค. จะอาศัยอยู่ ต่อมาทางราชการให้คุณพ่อแก้ว สว่างสุข คัดเลือกชาวบ้านไปฝึกอบรมเป็นทหารพราน ได้ส่งคุณพ่อสาน วงษาสาย คุณพ่อสวัสดิ์ พรอินทร์ คุณพ่อสุชา สามารถตรา และคุณพ่อโฮม หาดี ต่อมาคุณพ่อแก้ว สว่างสุข ครบอายุเกษียณพ้นจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน
พ.ศ.2521 ชาวบ้านนาสีนวลจึงได้เลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านใหม่ โดยมีผู้ลงสมัครคือคุณพ่อจันทร์ นันไทสง และได้รับตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ได้แต่งตั้งให้คุณพ่อหนูแดง ยาธงไชย คุณพ่อดำ สืบศรี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คุณพ่อจันทร์ นันไทสง ได้ประสานงานกับทางราชการหาวิธีปราบกลุ่ม ผกค. ในป่าดงผาลาด ทางราชการได้ส่งทหารพรานและหน่วยทหารปืนใหญ่ออกมาสมทบกับ อส.
ต่อมาคุณพ่อดำ สืบศรี พ้นตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้แต่งตั้งคุณพ่อแหลม เส็งนา ขึ้นแทน ขณะนั้นคุณพ่อจันทร์ นันไทสง ร่วมกับชาวบ้านพัฒนาหมู่บ้านได้ตัดถนนในหมู่บ้านขึ้นอีกหลายเส้นทาง ในขณะเดียวกันชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งได้ร่วมกับ อส. ออกสกัดซุ่มโจมตีกลุ่ม ผกค. ในพื้นที่ป่าดงผาลาดและป่าดงสานอีกหลายครั้ง ได้เกิดการปะทะกันอย่างรุ่นแรงผลก็คือตำรวจภูธรได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทำให้ถอยกำลังออกมา ทหารพรานจึงเข้าไปเคลียพื้นที่ได้วิทยุสื่อสารให้นำปืนใหญ่ยิงไปยังฐานของกลุ่ม ผกค. ทำให้ฐานแตกหลบหนี้เข้าป่าไป
ยุคอาสาพัฒนาป้องกันตัวเอง (อพป.)
พ.ศ.2522 ทางราชการได้ส่งหน่วยออกมาฝึกอบรมอาสาพัฒนาป้องกันตัวเอง (อพป.) ให้กับชาวบ้านอีก โดยทางราชการได้มอบอาวุธปืนให้กับชาวบ้าน เพื่อเป็นการปกป้องตัวเองตามแผนพัฒนาประเทศ และทางราชการได้ประกาศให้กลุ่ม ผกค.ที่หลงผิดเดินทางเข้ามามอบตัวโดยการติดเครื่องขยายเสียงบนเครื่องบินประกาศบนฟ้าเหนือป่าดงผาลาด ขณะนั้นกลุ่ม ผกค. ได้ทยอยค่อย ๆ กลับตัวออกมามอบตัวกับทางราชการอยู่เรื่อย ๆในขณะนั้นบ้านนาสีนวลได้แยกหมู่บ้านออกเป็น 2 หมู่บ้าน เนื่องจากประชากรเพิ่มขึ้น แยกเป็นนาสีนวลนอกและนาสีนวลในหมู่ 5 หมู่บ้านที่แยกใหม่คือนาสีนวลนอกมีคุณพ่อคำอ้าย ถาวุฒ ได้รับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ได้นำพาชาวบ้านพัฒนาหมู่บ้านและสร้างวัดบูรพาราม (แต่ในข้อมูลบัญชีรายชื่อวัดจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่าวัดบูรพารามสังกัดมหานิกายตั้งในปี พ.ศ.2484)
ยุคอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
พ.ศ.2523 ทางราชการได้ฝึกอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อให้ชาวบ้านได้รับการดูแลจากการเจ็บป่วยเป็นไข้ เพื่อป้องกันโรคระบาดต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในชุมชน และให้อสม. ดูแลเรื่องสาธารณะสุขต่าง ๆ ในชุมชน ต่อมาคุณพ่อคำอ้าย ถาวุฒ ได้พ้นตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลนอก ชาวบ้านได้เลือกคุณพ่อใส แสนกลม เป็นผู้ใหญ่บ้านแทน ได้มุ่งมั่นพัฒนาแก้ไขปัญหาหมู่บ้านอย่างไม่ได้ขาด
พ.ศ.2525 คุณพ่อใส แสนกลม ได้พ้นจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลนอก ชาวบ้านจึงได้เลือกคุณพ่อสุชา สามารถตรา เป็นผู้ใหญ่บ้าน ในขณะนั้นหมู่บ้านนาสีนวลขาดความสามัคคี เพื่อความสมัครสมานสามัคคีและเป็นการเข้าใจกัน ทางโรงเรียนบ้านนาสีนวลได้จัดวงดนตรีขึ้น ตั้งชื่อว่าวงหึ่งห้อย โดยการนำจาก ผอ.ประเสริฐ สุวรรณทัต จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านนาสีนวลได้เจอหน้าพูดคุยกัน ขับร้องเพลงเล่นดนตรีและแสดงการฟ้อนลำร่วมกัน ให้ชาวบ้านได้รวมกลุ่มเพื่อจะได้ต่อต้านกับกลุ่ม ผกค.และขบวนการบางกลุ่มที่คิดร้ายต่อหมู่บ้าน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาความสามัคคีของหมู่บ้านก็เริ่มมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต่อมาคุณพ่อแดง ยาธงไชย ได้พ้นจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลใน ได้แต่งตั้งคุณพ่อสมพงษ์ สาธุการ เข้ารับตำแหน่งแทน
พ.ศ.2529 คุณพ่อจันทร์ นันไธสง พ้นจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลใน และได้เลือกใหม่คือคุณพ่อเสาร์ อ่อนโสภา แต่งตั้งให้คุณพ่อสำเนียง คงบุญมา คุณพ่อสมบูรณ์ ขุลี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลใน คุณพ่อเสาร์ได้พัฒนาหมู่บ้านและสร้างธนาคารข้าวขึ้นมา ในขณะนั้นหมู่บ้านยังไม่มีฟ้าฟ้าใช้ และคุณพ่อเสาร์ได้พ้นจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลในในปีเดียวกัน
พ.ศ.2530 ชาวบ้านนาสีนวลในจึงได้เลือกผู้ใหญ่บ้านใหม่คือคุณพ่อสมบูรณ์ ขุลี ได้แต่งตั้งให้คุณพ่อสำเนียง คงบุญมา คุณพ่อไพสาน รุ่งสว่าง เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลใน ในขณะนั้นทางด้านราชการอำเภอสว่างแดนดินได้แยกเจริญศิลป์ขึ้นเป็นอำเภอ บ้านนาสีนวลได้ย้ายมาขึ้นกับอำเภอเจริญศิลป์ เป็นบ้านนาสีนวล ตำบลหนองแปน อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร ในปีเดียวกันทางราชการได้เดินสายไฟฟ้าเข้ามาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านเริ่มได้ใช้ไฟฟ้า
พ.ศ.2534 โรงเรียนบ้านนาสีนวลได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ให้เปิดทำการสอนตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น ตามโครงการขยายโอกาสทางการศึกษา โรงเรียนบ้านนาสีนวลจึงเปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 จนถึง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
พ.ศ.2535 ทางราชการได้เข้ามาสร้างสะพานข้ามลำน้ำสงครามและทำถนนเชื่อมต่อระหว่างบ้านนาสีนวนกับบ้านม่วง ซึ่งแต่ก่อนการเดินทางข้างฝั่งจะใช้เรือ
แม่น้ำสงคราม ในประวัติบ้านนาสีนวล |
พ.ศ.2540 กระทรวงมหาดไทยประกาศจัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแปน เมื่อ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2540 ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 บ้านดงสง่า ตำบลหนองแปน อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร
พ.ศ.2542 บ้านนาสีนวลในได้ขอให้ทางราชการแยกหมู่บ้าน ทางราชการได้อนุมัติแยกเป็นบ้านนาสีนวลหมู่ 11 และได้ทำการคัดเลือกผู้ใหญ่บ้านมีผู้ลงสมัคร 2 คน มีนายพรหมมา สามารถตรา และนายสมพาน ยุตรินทร์ ชาวบ้านได้เลือกนายสมพาน ยุตรินทร์ เป็นผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลหมู่ 11 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2542 ได้แต่งตั้งนายบุญเชาร์ สว่างสุข นายพรศักดิ์ ธรรมธาทอง เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนาสีนวลหมู่ 11
พ.ศ.2544 ชาวบ้านได้จัดตั้งที่พักสงฆ์ขึ้นอยู่ป่าช้าทางด้านทิศตะวันตก มีผอ.ประเสริฐ สุวรรณทัต ได้ชวนชาวบ้านปรับพื้นที่เผาศพใหม่ ชาวบ้านเห็นด้วยจึงบริจาคครอบครัวละ 350 บาท เพื่อจัดซื้อหินลุกรังมาถมที่
พ.ศ.2545 วัดศิริวรารามโดยการนำของพระอธิการสานหรือหลวงพ่อสาน ธิตปญฺโญ และชาวบ้านนาสีนวลทุกคนได้ร่วมใจกันสร้างประตูโขงทางเข้าวัดจนสำเร็จ และได้สร้างกำแพงรอบวัดเป็นบางส่วน
ดูคลิปประวัติบ้านนาสีนวล
ข้อมูล/บันทึก โดย สดใส เส็งนา พ.ศ.2545
เรียบเรียงบทความ โดย สมชาย เครือคำ พ.ศ.2560
โหลดเอกสารประวัติหมู่บ้าน คลิก